ผมไม่ได้จะพาคุณไปเที่ยวทะเล ตามที่ส่งท้ายไว้ในบทก่อนนะคับ(มันเป็นแค่คำอุทานเวลาจะไปเที่ยว) แต่ผมจะพาคุณไปเที่ยววัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี เป็นแห่งแรก เพื่อเป็นศิริมงคลแก่พวกเรา และเพื่อให้พระเดชพระคุณของหลวงปู่ทวดช่วยปกป้องรักษาตลอด ทริป Travel astist ของเรา สาธุ!!!(คุณพระช่วย)
"วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม" หรือ "วัดช้างให้" ที่เราเรียกกันนั้น ผมเชื่อว่าคุณ คุณ คุณ และ คุณทุกคนต้องรู้จักดี(ผมไม่เชื่อหรอกถ้าบอกว่าไม่รู้จัก ก็ผมพึ่งบอกคุณไปตะกี้เอง คริ คริ) วัดช้างให้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และและมีความสวยสดงดงาม มีที่พักผ่อนหย่อนใจ มีเงาไม้ร่มรื่น เมื่อผมไปวัดช้างให้ผมจะนำดอกไม้ ธูปเทียน เข้าไปไหว้หลวงปู่ทวด และที่สำคัญที่สุดคือการเสี่ยงเซียมซี(ไม่ใช่การถ่ายรูป) การเสี่ยงเซียมซีนั้นมันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม เพราะตอนเด็กๆ ผมเสียงเซียมซีครั้งแรก มันร่วงลงมาท้ังกระป๋องเลย(อ่อนนะ)
ทำไมต้องชื่อ "วัดช้างให้" ด้วยความสงสัยอยากรู้ถึงประวัติของวัดช้างให้ ผมจึงไปถามคนโน้น คนนี้ อ่านตรงนั้น ตรงโน้น ตรงนี้ จนกระทั่ง ณ เวลาอันสมควรผมจึงได้รู้ตำนานนน...
" เมื่อประมาณ 300 ปีก่อนนั้น พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว หาแล้วหาเล่าน้องสาวก็ยังไม่พอใจ จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า ปรากฎว่า ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบและได้หาต่อไป(เจ้าบ้านไม่ชอบจะสร้างทำไม) จนกระทั่งพบกระจงสีขาวผ่อง วิ่งผ่านหน้า น้องสาวจึงวิ่งตามจนกระจงหายไปบริเวณตำบลกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ในปัจจุบัน ปรากฎว่าน้องสาวพอใจที่แห่งนั้นมาก จึงได้สร้างเมืองให้ชื่อว่า "ปะตานี(เมืองปัตตานี)" ส่วนที่ที่ช้างหยุดนั้น พระยาแก้มคำรู้สึกชอบสถานที่เสียดายทำเล(เสียดายแปลบ) จึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ท่านลังกา" หรือ "สมเด็จพะโคะ" หรือ "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ตามตำนาน ได้กล่าวไว้ฉะนี้แล(นานจริงๆ)"
จบ!!(ไม่บริบูรณ์)
จบไปแล้วสำหรับตำนาน 300 ปี วัดช้างให้ ตอนนี้คุณคงอยากจะไปเที่ยววัดช้างให้แล้วละซิ ว่าวัด 300 ปี จะเป็นแบบไหน ตามผมมาเลยครับผมจะพาไป(ในคราวหน้านะ จุ๊บๆ)
XcaI2tisT
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น