วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หาดสะกอม

ทะเล! ทะเล!

                    "ล่องใต้ไปตามเสียงเพลง กล่อมบรรเลงเป็นเพลงเร้าใจ มนต์รักจากแคว้นแดนถิ่น แห่งกลิ่นบุหงามาลัย เมืองใต้ใครเยือนเหมือนท่องวิมาน..."

                    ล่องใต้ไปท่องวิมานกันต่อครับ(เที่ยวใกล้ๆขี้เกียจขับรถ)

                    "หาดสะกอม" ใครเคยได้ยินชื่อยกมือขึ้น??  คงมีน้อยถึงน้อยที่สุด555 แค่ชื่อยังไม่รู้จัก ผมคงไม่ถามต่อแล้วว่าใครเคยไปหาดสะกอมบ้าง??

                     "หาดสะกอม" เป็นชายหาดอันแสนจะยาวเหยียด  อยู่ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา "ฟ้าสวย ทะเลใส ที่พักสบาย เดินทางสะดวก อาหารทะเลอร่อย" ผมเองมาทีนี่เกิน 10 ครั้งแล้ว  ส่วนวันนี้ไม่ได้มาเที่ยวแต่จะไปหาดใหญ่ก็เลยแวะมานั่งพักผ่อน และถ่ายรูปมาอวด มาโม้ มาโชว์(แค่นี้เอง)

        ใครจะมาพักผ่อนที่สะกอม  ผมขอแนะนำรีสอร์ทแรกติดถนนทางซ้ายมือถัดจากตลาดสด เพราะมีบรรยากาศดีมาก ความเป็นส่วนตัวสูงลิ่ว ห้องพักสะอาด และที่สำคัญมีโต๊ะอาหารและห้องพักติดทะเลทุกหลัง จะกินหรือนอนก็ติดทะเล  รีสอร์ทนี้เหมาะแก่การพักผ่อนสังสรรค์แบบสบายๆ ไม่มีใครมาวุ่นวาย มีห้องพักแค่ 10 ห้อง ดีไม่ดีพอมีลูกค้ามาสักกลุ่มก็ปิดประตูแล้ว(พี่แกหยิ่งมาก) พูดเล่นครับที่จริงแล้วแกทำเองในครอบครัว ไม่มีพนักงาน(ผมไม่ได้ค่านายหน้านะ)  ใครอยากมาก็มาครับ!! ใครไม่อยากมาก็อ่านต่อครับ!! (คริคริ)  
                    การเดินทางมาหาดสะกอม ก็ง่ายๆ  แค่นั่งรถจากหาดใหญ่ ตรงดิ่งลงใต้ประมาณ 30 นาที ระยะทาง 50 กว่ากิโล(เหยียบเลยครับ ถนนตรงเป๊ะ! แต่ระวังโค้งตอนผ่านภูเขานะ55) เมื่อผ่านปั้ม ปตท.ขวามือ ผ่านตลาดขายอาหารทะเล  ต่อมาอีกครึ่งยิ้มกะถึงละ "สะกอม สะกอม"

                     จากนั้นก็ขับรถกลับไปที่ตลาดเพื่อซื้อปลา ปู กุ้ง หอย หมึก มาปิ้งย่างกินกัน(ปล.ผมไม่สนับสนุนให้ซื้อเหล้าเบียร์ ของมึนเมานะครับ แต่!! เซเว่นในปั้ม ปตท.ที่ผ่านมามีขายนะ)
.         
                       ....พี่แกมาพอดีไปคุยกับแกแปปนึงครับ.....  

                    ผมได้ขออนุญาตแกบอกชื่อรีสอร์ทแล้วนะ(อยากจะบอกตั้งนานแล้ว แต่รอถามแกก่อน)รีสอร์ทนี้ขื่อ "สะกอมคาบานาครับ" เจ้าของชื่อ "พี่พล" แกเป็นนักเรียนนอกทำงานในกรุงเทพมาครึ่งค่อนชีวิต จึงหนีมาพักผ่อนที่บ้านนอก(แต่ทำไมผมทำงานไม่กี่ปีก็อยากพักผ่อนซะแล้ว ขี้เกียจเนาะ555)

                       พูดมากไปก็แค่นั้น!! บอกไปก็นึกภาพไม่ออก.....

                        ลองแลรูป ม่ายก็มาเองละกันนะคร้าบบบบ.....นายหัว!!            

                                                         ทะเล!!  ทะเล++

 XcaI2tist

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พญานาคราช@ทะเลสงขลา ภาคสะดือ

ทะเล!! ทะเล!!

           หลังจากผมวิ่งๆ เดินๆ ขับรถวนไปวนมา หลงแล้วหลงอีก หลงหลาวหลงเหลย  ไปตามชายทะเลสงขลามาเกือบครึ่งค่อยวัน จนค้นพบหัวและหางพญานาคราช!!

          แต่ยังเหลือภารกิจสุดท้าย  "ตามล่าหาสะดือพญานาคราช "

          ไปต่อ!!!
        
         จากจุดที่หัวพญานาคราชพ่นน้ำ  เราต้องขับรถกลับไปหาหาง(ทำไมต้องขับวน? เพราะผมหลงทางครับ) ขับกลับไปประมาณครึ่งทาง  เมื่อผ่านฟาร์มแกะแล้วให้มองทางซ้ายมือ จะเห็นเป็นลำตัวโค้งๆ โก่งๆ ขึ้นมา ให้บึ่งเข้าไปหาได้เลยครับ  เราจะได้พบกับ สะดือ สะดือ สะดือ(อันเดียวครับ555)

                    แต่ถ้าเราโชคร้ายไปเจอวันที่เขามีการแข่งรถ (ผมก็เป็นหนึ่งคนที่โชคร้าย) เขาจะปิดถนน  เราก็ต้องขับรถอ้อมเข้าไปในสนามหญ้าที่เขาใช้แข่งเครื่องบินบังคับ   แล้วเดินต่ออีกหน่อยก็จะได้สัมผัสสะดือพญานาค แต่คนโชคร้ายก็ยังโชคดี(งงมะ??) เพราะจะได้ดูการแข่งรถจิมคาน่าชั้นเทพจากนักแข่งสงขลา  และวันนี้ผมก็ได้รู้ว่าชาวสงขลาก็ขับรถเก่งไม่แพ้ใครนะคราบ (เฉพาะบางคันนะ555)

                    เมื่อเรามาเบิ่ง "สะดือพญานาคราช" ซึ่งอาจจะไม่สวยขั้นเทพเหมือนหัวพญานาค  แต่ขอบอกว่าจุดนี้มีมุมถ่ายรูปที่เจ๋งมาก  เพราะมันเป็นเหมือนอุโมงค์   เมื่อมองลอดไปทางด้านหนึ่งจะมีฉากหลังเป็นภูเขา แต่ถ้ามองกลับด้านกันก็จะมีฉากหลังเป็นทะเล   แหล่มครับ!! จริงๆนะ++

                     เย้ๆๆๆ ภารกิจตามหาชิ้นส่วนพญานาคราช ก็สำเร็จจนได้!!

                     ทั้งหนื่อย  มึน ร้อน หลงทาง ไหนๆก็ไหนๆ อุตส่าห์ตากแดดตากลมตากลมตาเฉ ตามหาชิ้นส่วนพญานาคราชจนครบ    ผมจึงจัดการรวมร่างพญานาคราชมาให้ดูครับ  แหล่มมาก!!!
       
                    เป็นไงครับ??  พญานาคราชของผมสวยป่าว(ห้ามตอบว่าไม่สวยนะ)
                                             " MISSION  COMPLEATE "
                    สำเร็จภารกิจแล้ว ผมขอหิ้วตัวเองไปหาอะไรบรรจุใส่กระเพาะ และหิ้วกระเป๋าเดินทางกลับบ้านก่อนนะครับ
           ปล.ขอขอบคุณ สายลม แสงแดด ที่ทำให้การตลอนครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  และขอบคุณนางแบบแสนสวย(มั้ง) ที่อุตส่าห์มาเป็นแบบประกอบฉากให้นะคราบบบ(5555)



XcaI2tisT

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พญานาคราช@ทะเลสงขลา ภาคหัว

          หัวพญานาคราชอยู่ที่ไหน??


                    หลังจากขึ้นไปถ่ายรูปคู่กับหางพญานาคจนสมใจอยากแล้ว   ผมก็เริ่มค้นหาส่วนหัวต่อไป โดยการขับรถเลียบชายหาดชลาทัศน์ย้อนกลับมาจนถึงสามแยก  แล้วเลี้ยวขวาที่สี่แยกแรก  จากนั้นก็ขับตรงไปเรื่อยๆ จนมาเจอวงเวียนสองทะเล

                    ใช้เวลาแค่ 3ยิ้ม!!! ผมก็เจอกับสิ่งที่กำลังตามหาตั้งตระหง่านอยู่ริมหาด

                   " หัวพญานาคราช"  อันใหญ่โตมโหฬารมหึมามโหรทึก  โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินกำลังพ่นน้ำเติมลงไปในทะเลสงขลาอย่างต่อเนื่อง(สงสัยกลัวน้ำทะเลจะแห้ง)  และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็จะพบก้อนหินกลมๆ วางเป็นกลุ่มๆ ละ 3 ลูก อยู่ด้านซ้ายและขวาของหัวพญานาค ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นไข่พญานาค ซึ่งกำลังจะฟักตัวกลายเป็นนาคน้อยๆ ตัวที่ 2 3 4 5 6 และ 7 เพื่อมาช่วยพ่นน้ำเติมลงในทะเล

                    แต่ถ้าคุณก้มลงไปมองในทะเลบริเวณที่พญานาคพ่นลงไปนั้น  จะเห็นความสวยงามอีกอย่างหนึ่ง คือแสงสีรุ้งสวยๆ(ฟินเวอร์) อีกอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าคุณควรจะทำคือการเลือกมุมยืนถ่ายรูปให้เป็นภาพซ้อนคล้ายๆ อ้าปากรับน้ำจากปากพญานาค ซึ่งผมยืนรออยู่ตั้งนานแต่ไม่ได้ถ่ายเพราะมีทัวร์ เด็กๆ มายืนรอคิดถ่ายรูปท่านี้อยู่หลายสิบคน ไว้มาคราวหน้าผมจะถ่ายมาฝากครับ(ถ้ารอไม่ไหวก็มาเองนะครับ555)

                หลังจากที่ฟินไปกับ "หัวงู" เอ้ย "หัวพญานาคราช" จนอิ่มแล้ว ผมก็หันไปเห็นอีกสิ่งหนึ่งนั่นก็คืออนุสาวรีย์เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเชตอุดมศักดิ์ ท่านตรงยืนตระหง่าน คล้ายๆกำลังยืนเฝ้าหน้าชายหาด   เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกมารุกรานอธิปไตยน่านน้ำไทย เพืี่อให้ลูกหลานอย่างเราได้มีแผ่นดินซุกหัวนอนอยู๋จนถึงทุกวันนี้(เหมือนเลือดจะเข้มขึ้นมาทันที555) ผมจึงรีบเดินๆ วิ่งๆ ผ่านแสงแดดร้อนๆ เพื่อนำตัวเองไปถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วก็กลับมายืนหอบแฮ่กๆ อยู่ริมถนน
 
                    เอ๊ะ!!! เคยได้ยินมาว่าพญานาคราชของสงขลานั้นมีสามส่วน "เจอหัวแล้ว"  "หางก็เจอแล้ว" แล้วอีกส่วนละ??    

                                  ผมจึงเดินไปถามคนขับรถทัวร์ที่บรรทุกเด็กๆ แก็งที่มาแย่งกินน้ำจากปากพญานาคเมื่อสักครู่(ด้วยความแค้น)

                    ผมจึงได้รับคำตอบ(ด้วยความเป็นมิตร) ว่าส่วนที่ 3 นั้น เป็นส่วนท้องของพญานาค ซึ่งเขาเรียกว่า

                                  "สะดือพญานาค"  

                     และแล้วผมก็ได้ไปต่อ......

                     คุณจะไปต่อกับผมหรือป่าว(ไปเหอะนะ) ตามๆผมมาหน่อย...    สะดือพญานาคราช!!..

XcaI2tisT

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พญานาคราช@ทะเลสงขลา ภาคหาง

ทะเล ทะเล!!

                    ทะเลมาแล้วครับ วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ผมได้หิ้วกระเป๋าพาตัวเองไปเที่ยวทะเล...

          " ทะเลสงขลาสวยมากกก"
    
                    หิ้วกระเป๋าเดินทาง ขับรถจากปัตตานีประมาณชั่วโมงเศษ ก็ถึงทะเลสมใจ แต่ถ้าคุณเดินทางมาจากกรุงเทพก็นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินหาดใหญ่ ใช้เวลาประมาณ  1 ชั่วโมงเศษ  แล้วนั่งรถต่อประมาณ 30 นาที   เราก็หิ้วตัวเอง(พร้อม....) มาพักผ่อนตากอากาศริมทะเล มานอนกอดพญานาค นั่งตักนางเงือกได้สมใจ

                    สำหรับคนที่ไม่เคยมา เมื่อเราเข้าสู่เขตอำเภอเมืองสงขลาบริเวณแยกสำโรง ก็ขับรถตรงดิ่งเข้าเมืองแล้วเลี้ยวขวาเลาะไปตามชายทะเล  ใช้เวลาแค่ 3 ยิ้ม(ยิ้ม 3 ครั้ง) ก็จะถึงหาดสมิลา ด้านถนนชลาทัศน์แล้ว  ซึ่งผมขอแนะนำให้เปิดกระจกแล้วสูดกลิ่นอายทะเลให้เต็มปอดเลยครับ(แต่ถ้ามาตอนเที่ยงๆ ก็อย่าทำเลยครับ มันร้อน555)

                ณ สุดสายชายทะเล หาดชลาทัศน์แห่งนี้ เราจะพบกับบรรยากาศสุดแสนธรรมชาติ และประติมากรรมที่น่าทึ่งหลายอย่าง

    อย่างแรกคือประติมากรรมคนนั่งอ่านหนังสือ(กลางวงเวียน)  ซึ่งตั้งอยู่กลางวงเวียนสุดถนน   แต่เมื่อผมเห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า "ไม่มีที่นั่งแล้วหรอ ถึงมาอ่านหนังสือกลางวงเวียน"  แต่ถามแล้วเขาไม่ตอบ(ถ้าตอบคงวิ่งป่าราบ)  ผมพูดเล่นนะครับเพราะความจริงแล้วประติมากรรมนี้ทำขึ้นเพื่อต้องการสื่อแสดงให้เห็นว่าสงขลาคือเมืองแห่งการเรียนรู้
                   
      เมื่อเรามองตรงไปก็จะพบนางเงือกสาวแสนสวยนั่งเล่นอยู่ริมทะเล ถ้าใครชอบก็เดินไปนั่งตัก นอนตัก หอมแก้ม....... ก็ได้นะครับ(เธอไม่หยิ่ง)

                    แต่ทีเด็ด เด็ดที่สุดนั้น เราต้องกลับหลังหันแล้วมองกลับมาทางเดิม  เราจะพบสิ่งที่ผมประหลาดใจ


               "หางพญานาค" 


              "นาค หรือ พญานาค เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำ ความยิ่งใหญ่แห่งน้ำ เป็นเทพเจ้าแห่งการให้น้ำและความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง ชาวใต้มีความเชื่อว่า นาค หรือ พญานาค จะพ่นโปรยน้ำทิพย์มาชะโลมไล้ให้มนุษย์มีความสุขสดชื่น ชำระล้างมลทินทั้งทางกายและทางใจ ชาวภาคใต้จึงนับถือนาค หรือพญานาค เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของตนสืบไป " (นี่คือคำตอบสำหรับคำถามในใจครับ)     

             เอ๊ะ!! เจอแต่ "หาง" แล้วหัวไปมุดอยู่ที่ไหน?


              ภารกิจตามหาชิ้นส่วนพญานาค จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มร้อน(ช่วยไม่ได้อยากตื่นสายเอง) แต่ผมก็ยังต้องหาต่อไป


XcaI2tisT

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม ภาค 2


                    คราวที่แล้วผมได้พาคุณไปรู้จักที่มาของวัดช้างให้แล้วนะครับ  คงถึงเวลาที่จะพาไปเที่ยววัดช้างให้สักที(เล่นตัวจัง)
                     แต่ เอ๋!!!  ผมรู้ว่านะคุณยังไม่อยากไป เพราะคุณยังสงสัยอยู่อีกเรื่องหนึ่ง!!  เรื่องอะไรนะหรือ?    
                     อ๋อ!! ผมนึกออกแล้ว  "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"  ชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา? แน่นอนชื่่อนี้ไม่ได้ตั้งมาเก๋ๆ เท่ห์ๆ ทุกอย่างมีตำนานนน....
                    แต่คุณไม่ต้องงง! ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป ไม่ต้องไปถามคนโน้น คนนี้ อ่านตรงนั้น ตรงโน้น ตรงนี้ เพราะผมจัดให้....
                    "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"  หรือ "สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์" เป็นพระเกจิอาจารย์ในตำนานที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก รูปสำคัญ 1 ใน 2 มหาเกจิอาจารย์ของเมืองไทย คู่กับสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี(หลวงปู่โต)
                    "ครั้งหนึ่ง   ขณะที่หลวงปู่ทวดกำลังเดินอยู่ริมชายฝั่งทะเลหลวง ได้มีโจรสลัดจีนแล่นเรือเลียบชายฝั่งมาทางนั้นได้เห็นท่านเข้า คิดว่าท่านเป็นคนเผ่าประหลาดเพราะโกนศีรษะและนุ่งห่มไม่เหมือนชาวบ้าน โจรสลัดจีนจึงจับตัวท่านขึ้นเรือ เมื่อเรือออกจากฝั่งไม่นานก็ต้องหยุดนิ่งกลางทะเลเฉยๆเหมือนมีอะไรมาตรึงใว้  เรือจอดนิ่งอยู่หลายวันเสบียงน้ำดื่มก็หมดไม่มีจะกิน หลวงปู่ทวดท่านเห็นดังนั้นจึงนึกสงสารท่านจึงเหยียบกราบเรือใหญ่ให้ตะแคงต่ำเรี่ยน้ำลงไปข้างหนึ่ง แล้วยื่นฝ่าเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล  สักครู่หนึ่งน้ำทะเลที่เคยใสแจ๋ว กลับขุ่นเหมือนน้ำคลองขึ้นมาทันที ท่านยกเท้าขึ้นแล้วบอกให้พวกโจรลองกินน้ำดู ปรากฏว่าน้ำทะเลบริเวณนั้นจืดสนิท พวกโจรสลัดจีนเห็นดังนั้นจึงรีบก้มกราบเท้าขอขมาโทษ แล้วนำท่านล่องเรือเล็กกลับขึ้นมาส่งที่ฝั่ง" 
           บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้ว....
                    ที่คุณจะหิ้วกระเป๋าเดินทาง หิ้วครอบครัว สามี ภรรยา ปู่ย่า ตายาย... ขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพ มาลงที่สนามบินหาดใหญ่ ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที จากนั้นก็นั่งรถโดยสาร หรือรถส่วนตัว จากสนามบินมายังวัดช้างให้ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที  นั่งๆ หลับๆ คุยๆ แล้วกระโดดลงหน้าวัด เดินข้างรางรถไฟเข้าประตูวัดไป คุณจะได้พบกับซุ้มดอกไม้ ธูปเทียน อยู่ตรงหน้าคุณ แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าไปสักการะหลวงปู่ทวดอย่างสบายใจ เสร็จภารกิจ คุณก็เดินพักผ่อนหย่อนใจภายใต้ร่มเงาต้นไม้ภายในวัดได้นานนน.. แล้วที่คุณต้องการ....... แล้วก็กลับๆไปในทิศทางเดิม...(ปล.ผมไม่ใช่คนจัดทัวร์ แต่ผมอยู่แถวนี้คับ ถ้าว่างผมพาไป)

                                          Let's Go!!                      

                                                             จบบริบูรณ์...

XcaI2tisT
 

วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม

ทะเล!!  ทะเล!!
 
                    ผมไม่ได้จะพาคุณไปเที่ยวทะเล ตามที่ส่งท้ายไว้ในบทก่อนนะคับ(มันเป็นแค่คำอุทานเวลาจะไปเที่ยว)   แต่ผมจะพาคุณไปเที่ยววัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี เป็นแห่งแรก เพื่อเป็นศิริมงคลแก่พวกเรา และเพื่อให้พระเดชพระคุณของหลวงปู่ทวดช่วยปกป้องรักษาตลอด ทริป Travel astist ของเรา  สาธุ!!!(คุณพระช่วย)

                   "วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม"  หรือ "วัดช้างให้" ที่เราเรียกกันนั้น ผมเชื่อว่าคุณ คุณ คุณ และ คุณทุกคนต้องรู้จักดี(ผมไม่เชื่อหรอกถ้าบอกว่าไม่รู้จัก ก็ผมพึ่งบอกคุณไปตะกี้เอง คริ คริ)  วัดช้างให้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และและมีความสวยสดงดงาม  มีที่พักผ่อนหย่อนใจ มีเงาไม้ร่มรื่น เมื่อผมไปวัดช้างให้ผมจะนำดอกไม้ ธูปเทียน  เข้าไปไหว้หลวงปู่ทวด และที่สำคัญที่สุดคือการเสี่ยงเซียมซี(ไม่ใช่การถ่ายรูป)  การเสี่ยงเซียมซีนั้นมันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม  เพราะตอนเด็กๆ ผมเสียงเซียมซีครั้งแรก มันร่วงลงมาท้ังกระป๋องเลย(อ่อนนะ) 

                    ทำไมต้องชื่อ "วัดช้างให้"  ด้วยความสงสัยอยากรู้ถึงประวัติของวัดช้างให้ ผมจึงไปถามคนโน้น คนนี้ อ่านตรงนั้น ตรงโน้น ตรงนี้  จนกระทั่ง ณ เวลาอันสมควรผมจึงได้รู้ตำนานนน...
                        
         " เมื่อประมาณ 300 ปีก่อนนั้น  พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว หาแล้วหาเล่าน้องสาวก็ยังไม่พอใจ  จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า ปรากฎว่า ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบและได้หาต่อไป(เจ้าบ้านไม่ชอบจะสร้างทำไม)  จนกระทั่งพบกระจงสีขาวผ่อง วิ่งผ่านหน้า น้องสาวจึงวิ่งตามจนกระจงหายไปบริเวณตำบลกรือเซะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ในปัจจุบัน ปรากฎว่าน้องสาวพอใจที่แห่งนั้นมาก จึงได้สร้างเมืองให้ชื่อว่า "ปะตานี(เมืองปัตตานี)"  ส่วนที่ที่ช้างหยุดนั้น พระยาแก้มคำรู้สึกชอบสถานที่เสียดายทำเล(เสียดายแปลบ)  จึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้  แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ท่านลังกา" หรือ "สมเด็จพะโคะ" หรือ "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"  ตามตำนาน ได้กล่าวไว้ฉะนี้แล(นานจริงๆ)"

                    จบ!!(ไม่บริบูรณ์)  

                    จบไปแล้วสำหรับตำนาน 300 ปี วัดช้างให้ ตอนนี้คุณคงอยากจะไปเที่ยววัดช้างให้แล้วละซิ ว่าวัด 300 ปี จะเป็นแบบไหน  ตามผมมาเลยครับผมจะพาไป(ในคราวหน้านะ จุ๊บๆ)
XcaI2tisT

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Read me

          ทำงาน!!   เก็บเงิน!!  ทำงาน!!  เก็บเงิน!!


                   เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในสมัยนี้ทำกันจนเป็นกิจวัตร

           หาอาหารดีๆ กิน!!  เที่ยว!! พักผ่อน!!

   
               เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในสมัยนี้คิด แค่คิด!!!

         แล้วเมื่อไหร่??

                    เราจะทำในสิ่งที่คิด เมื่อไหร่?...จะพาตัวเองไปเที่ยวพักผ่อน เมื่อไหร่?...จะหาอาหารดีๆ  ตอบแทนร่างกายที่ลำบากตรากตรำทำงาน เก็บเงิน ซะบ้าง    บางคนทำงาน!! ทำงาน!! ทำงาน!!        จนเก็บเงินได้เป็นล้านล้าน แต่ก็ยังคงทำงานต่อไป   ไม่กล้าหยุดพักผ่อนตามที่ คิด คิด คิด และคิดไว้เพราะกลัวว่าถ้าหยุดทำงานจะไม่ได้เงิน  กลัวว่าถ้าหยุดทำงานจะอดตาย 

                    คุณเคยคิดหรือไม่?? ที่จะพักผ่อน ท่องเที่ยว และหาอาหารดีๆ กิน ท้้งๆ ที่สิ่งเหล่าน้้นมีอยู่มากมายใกล้ๆ ตัวคุณ อาจอยู่ห่างจากบ้าน  หรือที่ทำงานของเรา 100 เมตร  1 กิโลเมตร อยู่ต่างจังหวัด  หรืออยู่คนละภาคของประเทศไทย   หรืออาจจะอยู่คนละซีกโลก ซีกจักรวาล(คงมีมั้ง) ผมเชื่อว่าคุณคิด(เอ๊ะ!! ผมสรุปไว้ตอนต้นแล้วนี่555) 

                    ถ้าเป็นเฉกเช่นฉะนี้แล้ว  ผมอยากให้คุณตามผมมา เพราะผมก็เป็นคนส่วนใหญ่เหมือนคุณ ผมก็คิด คิด คิด และคิดไว้เหมือนคุณ  แต่ๆๆ ตอนนี้ผมเริ่มเที่ยว  เริ่มพาร่างกายไปพักผ่อน   ตอบแทนร่างกายตนเอง ที่ลำบาก  ตรากตรำ ทำงานหาเงิน 

                    ผมรู้นะ!! คุณกำลังคิดว่า "ผมทำงานจนเก็บเงินได้เยอะแล้วซิ จึงเที่ยวได้" คุณคิดผิดครับ!! เพราะผมพึ่งทำงานได้ไม่กี่ปี

                    ผมรู้นะ!! คุณกำลังคิดว่า "ผมคงเป็นลูกเศรษฐี หรือมีเงินเหลือกินเหลือใช้  สามารถเที่ยวได้ทั้งปีทั้งชาติ เงินทองก็ยังกองอยู่ท่วมภูเขาใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด" คุณคิดผิดครับ!!  เพราะผมเป็นลูก      ข้าราชการจนๆ ไม่มีธุรกิจเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน ล้านล้าน มากกว่าล้านล้าน

                    แต่ผมคิดว่า "จะทำงานทำไมนักหนา เวลางานก็ทำงาน เวลาพักผ่อนก็พักบ้างซิ  จะทำงานหาเงินให้มันมาทับตายหรือไง?? ตายไปถ้าเทวดาถามว่าเคยไปเที่ยวไหนมาบ้าง ตอบไม่ถูกก็อายเทวดา  ถ้าโกหกก็จะถูกจับโยนลงนรกซะเปล่าๆ เรามาหาประสบการณ์ไว้ตอบคำถามเทวดากันดีกว่า                ว่าบนโลกสวยๆ กลมๆ ใบนี้ มีแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง  มีอาหารอะไรดีๆ อร่อยๆบ้าง" (คิดว่าไปสวรรค์ละกัน)
 

                              เอาแบบนี้ดีกว่า สั้นๆ ง่ายๆ  ใครอยากเที่ยว??     


                                                     Let's Go!!         ทะเล!! ทะเล!!   

                                                                               XcaI2tisT